วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ

10. Hadrian’s Wall

กำแพงเฮเดรียน (Hadrian’s Wall) สร้างขึ้นโดยชาวโรมัน จุดประสงค์เพื่อปกป้องอาณานิคมจากการรุกรานของชนเผ่าสก็อตแลนด์ มีความยาว 117 เมตร พาดขวางแนวตอนเหนือของเกาะอังกฤษ ตั้งแต่ทะเลไอริชจนถึงทะเลเหนือ กำแพงเฮเดรียน เริ่มสร้างในรัชสมัยของจักรพรรดิเฮเดรียนในปี ค.ศ. 122 เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลา 6 ปี ปัจจุบัน มีเพียงกำแพงส่วนกลางที่ยังคงปรากฏให้เห็น สามารถเดินได้ตลอดแนวกำแพง ด้วยความเก่าแก่และสวยงาม กำแพงเฮเดรียน จึงเป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และจดทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี ค.ศ. 1987
9. Warwick Castle

ปราสาทวอริค โครงสร้างเดิมเป็นไม้ สร้างโดย สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ ใน ปีค.ศ. 1068 และได้รับการบูรณะใหม่ โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็นหินในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ช่วงสงครามร้อยปี ด้านหน้าของ ปราสาทวอริค ที่หันตรงข้ามกับเมือง ก็ได้รับการเสริมสร้างให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ ปราสาทวอริค กลายเป็นที่จดจำว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมทางการทหารในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อปี ค.ศ. 2001 ปราสาทวอริค ถูกขนานนามว่าเป็น 1 ใน 10 ของอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์ชาติ และเป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด
8. Lake District

อีกหนึ่ง สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ Lake District อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ในมณฑลคัมเบรีย จุดดึงดูดใจอยู่ที่ทะเลสาบและเทือกเขา ซึ่งเกิดจากการระบิดของธารน้ำแข็งในยุคสมัยก่อน เกิดเป็นภาพน้ำ ภาพเขา สวยจับใจ จนทุกวันนี้ Lake District เป็นอีกหนึ่งจุดหมายชื่อดังสำหรับนักปีนเขา ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือน ราว 14 ล้านคน
7. Tower of London

หอคอยแห่งลอนดอน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1078 เพื่อป้องกันการโจมตีของชาวเมืองที่ต่อต้านชาวนอร์มัน ต่อมา หอคอยแห่งลอนดอน  ถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่มียศศักดิ์สูง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1100 จนถึง กลางศตวรรษที่ 20 และที่แห่งนี้ถูกโจษจันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สุดหลอน

6. The Cotswolds

คอทส์โวลส์ แนวเนินเขาละมุนน่าสัมผัส เมืองที่มีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่ชวนหลงใหลที่สุด หนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ จุดที่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล คือ ระยะ 330 เมตร สถานที่ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ได้แก่ หมู่บ้านที่สร้างจากหินสีน้ำผึ้ง ย่านเมืองเก่าแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอังกฤษ

5. Durham Cathedral

มหาวิหารเดอรัม คริสตจักรมหาวิหารของพระคริสต์ พระนางมารีย์พรหมจารี และเซนต์คัธเบิร์ตแห่งเดอรัม ตั้งอยู่ที่ เมืองเดอรัม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ  เป็นตึกนอร์มันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ โครงสร้างของ มหาวิหารเดอรัม เป็นหิน ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1093 ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นแบบโรมาเนสก์ มีหอคอยสูง 66 เมตร มีบันไดขึ้นทั้งหมด 325 ขั้น ภายหลังได้รับการบูรณะและเพิ่มเติมบางส่วน แต่โดยรวมแล้ว มหาวิหารเดอรัม ก็ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมแบบนอร์มัน ในปี ค.ศ. 2011 สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ แห่งนี้ ได้รับการโหวตจากโพลของสำนักข่าว BBC ให้เป็น สิ่งก่อสร้างที่น่าหลงใหลมากที่สุดในเกาะอังกฤษ องค์การยูเนสโกยกให้ มหาวิหารเดอรัม เป็น มรดกโลก พร้อมกับ ปราสาทเดอรัม ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ริมแม่น้ำเวียร์

4. York Minster

มหาวิหารยอร์ก เป็นคริสต์ศาสนสถานแบบกอธิค ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนเหนือ (รองจากมหาวิหารโคโลญ ประเทศเยอรมนี) มหาวิหารยอร์ก เริ่มสร้างใน ปี ค.ศ. 1230 และเสร็จสมบูรณ์ใน ปี ค.ศ. 1472 เป็นสิ่งก่อสร้างที่รวมลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคไว้ทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำ คือ หน้าต่างบานใหญ่ ชื่อ “Great East Window” สร้างใน ปี ค.ศ. 1408 ถือเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

3. Windsor Castle

สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่คุ้นชื่อกันดี พระราชวังวินด์เซอร์ เป็นหนึ่งในที่ประทับของ Queen Elizabeth ที่สอง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และถือเป็นพระราชฐานที่ยังมีผู้อยู่อาศัยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก พระมหากษัตริย์และกษัตรีย์แห่งอังกฤษเกือบทุกพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างและพัฒนา พระราชวังวินด์เซอร์ จากประวัติตามรัชสมัยต่างๆ ในยามสงบจากศึก พระราชวังวินด์เซอร์ ถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ในยามสงคราม พระราชวังวินด์เซอร์ จะถูกใช้เป็นป้อมปราการด้วยการสร้างเสริมอย่างแน่นหนา และระบบนี้ยังคงใช้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน

2. Big Ben

หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หรือรู้จักกันดีในชื่อของ บิ๊กเบน หอเก่าแก่นี้ถูกสร้าง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 หลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม แท้จริงแล้ว บิ๊กเบน ไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกา แต่เป็นชื่อของ ระฆังหนัก 13 ตัน ซึ่งแขวนอยู่ตรงช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา และคำว่า บิ๊กเบน นั้นนำมาจากชื่อของ เซอร์ Benjamin Hall ชายคนแรกที่สั่งซื้อระฆัง Big Ben มีความสูง 96.3 เมตร เป็นหอนาฬิกาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอังกฤษ ทั้งยังปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง

1. Stonehenge

สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ต้องยกให้ สโตนเฮนจ์ กลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ บนที่ราบ Salisbury บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ที่มาของ สโตนเฮนจ์ ยังไม่มีบทสรุปที่แท้จริง มีเพียงข้อสันนิษฐานมากมาย นักโบราณคดีเชื่อว่า กองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อประมาณ 3000 – 2000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยการคำนวณอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าแท่งหินยักษ์ทั้งหมดถูกชักลากมาจากที่อื่น เนื่องจากที่ราบบริเวณนั้นไม่มีหิน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก ทุ่งมาร์ลโบโรที่อยู่ห่างออกไป 40 กิโลเมตร แต่ก็มีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า สโตนเฮนจ์ น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในยุคโบราณ ด้วยความอัศจรรย์และความลึกลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัด สโตนเฮนจ์ จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก



กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการสัมภาษณ์งาน (ภาษาอังกฤษ... ง่ายนิดเดียว)

การเอาชนะความกลัว และความกังวลในการสัมภาณ์เป็นภาษาอังกฤษนั้น มีเทคนิคอยู่ 6 ขั้นตอน





         เป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนที่จะมีความกังวลถ้าจะต้องมีการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากภาษาอังกฤษนั้นไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของคนไทย จึงอาจทำให้ผู้สมัครหลายๆ ท่านมีความกลัว ที่ต้องไปสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตามในการที่เราจะสามารถชนะความกลัว และความกังวลในการสัมภาณ์ได้นั้น มีเทคนิคอยู่    6 ขั้นตอน คือ
          1. ค้นหาจุดอ่อนของตัวเอง
          วิเคราะห์จุดอ่อนของตัวคุณเอง ว่าคุณมีจุดด่อนในด้านใด และพยายามฝึกฝนเพื่อลบจุดอ่อนนั้น เช่น ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ถนัดในการฟัง ก็พยายามฝึกฝนในเรื่องการฟังให้ดีขึ้น อาจจะพยายามฝึกฝนจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษ การดูหนังภาษาอังกฤษ หรือพยายามพูดคุยกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ เป็นต้น
          2. การทำการบ้านที่ดี
          ก่อนที่คุณจะไปสัมภาษณ์งานในบริษัทใดๆ นั้น คุณควรจะศึกษาข้อมูลของบริษัทที่คุณจะไปสัมภาษณ์ก่อน เช่น ข้อมูลองค์กร รายละเอียดงาน รูปแบบบริษัท วัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ ซึ่งข้อมูลต่างๆ นั้นคุณสามารถหาได้จาก Web site ของบริษัทที่คุณกำลังจะไปสัมภาษณ์งานนั่นเอง
          3. ฝึกตั้งคำถามเป็นภาษาอังกฤษ
          นอกจากการหาข้อมูลต่างๆ ของบริษัทที่คุณกำลังจะไปสัมภาษณ์งานแล้ว คุณควรเตรียมตัวโดนยการฝึกตั้งคำถามที่คิดว่าผู้สัมภาษณ์จะถามคุณและลองแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะการเตรียมความพร้อมในการตอบคำถามต่างๆ จะทำให้คุณมีความมั่นใจในการสอบสัมภาษณ์ และช่วยลดความกังวลลงได้ แต่จงจำเอาไว้ว่าคำถามที่คุณลองตั้งเอาไว้กับคำถามที่ผู้สัมภาษณ์จะถามคุณนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง ดังนั้นจงตั้งคำถามให้มีความยืดหยุ่นด้วย
          4. ฝึกตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ
          นอกจากจะฝึกตั้งคำถามเป็นภาษาอังกฤษแล้ว คุณก็ควรจะฝึกตอบคำถามนั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งหลักการการตอบคำถามในการสัมภาษณ์งานนั้นมีอยู่ 3 ข้อ คือ สั้น, กระชับ และได้ใจความ
          5. ฝึกฝนโดยการปฎิบัติจริง
          เมื่อคุณได้เตรียมคำถาม และคำตอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ควรจะฝึกการสัมภาษณ์จริง ซึ่งการฝึกนั้นคุณอาจจะให้เพื่อน อาจารย์ หรือคนในครอบครัวคุณ เป็นคนคอยถามคำถามต่างๆ กับคุณ และให้คุณเป็นผู้ตอบคำถามต่างๆ เมื่อฝึกซ้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ควรจะให้ผู้ฝึกซ้อมของคุณช่วยให้คะแนน หรือคำแนะนำ เพื่อนำไปแก้ไขให้พร้อมในการสัมภาษณ์จริง
          6. ปรับเปลี่ยนความคิด สร้างความมั่งใจ
          จงจำเอาไว้เสมอว่าการสัมภาษณ์ให้ประสบความสำเร็จนั้น 20% มาจากความสามารถของคุณ แต่อีก 80% นั้นมาจากความมั่นใจของตัวคุณเอง ผู้สมัครงานแทบทุกคนมักจะขาดความมั่นใจเวลาสัมภาษณ์งาน แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการสัมภาษณ์งานนั้นก็คือผู้ที่สามารถควบคุมอารมณ์ และมีความมั่นใจในการตอบคำถามมากกว่าผู้อื่น



http://www.m2fjob.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94/93-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9-%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7.html

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการบริหารองค์กร ธุรกิจ (Business Management)

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการบริหารองค์กร ธุรกิจ (Business Management) ผู้บริหาร KPI ความสามารถ โครงสร้างองค์กร การประเมินผล การเงิน เป้าหมาย ดัชนีวัดผลสำเร็จธุรกิจ การบูรณาการ
  • accelerative learning เร่งความเร็วในการเรียนรู้ขององค์กร
  • adopting level การปรับใช้
  • analysis การวิเคราะห์
  • analysis-synthesis การวิเคราะห์-สังเคราะห์
  • business life cycle วัฎจักรการเติบโตของธุรกิจ
  • - Start up เริ่มต้น
  • - Growht ขยายตัว
  • - Maturtiy อิ่มตัว
  • - Decline ถดถอย
  • ceo/md/president ผู้บริหารธุรกิจ
  • communication การสื่อสาร
  • competecny ความสามารถ
  • competency dimension มิติของความสามารถ
  • competency model โมเดลของความสามารถ
  • comunication การสื่อสาร
  • corporate kpis KPIs ระดับธุรกิจ
  • corporate transformation การเปลี่ยนองค์กร
  • customer perspective มุมมองด้านลูกค้า
  • deming wheel วงจรเดมิ่ง
  • department kpis KPIs ระดับหน่วยงาน
  • evaluation การประเมินผล
  • financial perspective มุมมองด้านการเงิน
  • fishbone diagram แผนภูมิก้างปลา
  • flat orgenization โครงสร้างองค์กรแบบแบนราบ
  • focus on customer การมุ่งลูกค้า
  • globalization โลกาภิวัตน์
  • goal เป้าหมาย
  • intellectual capital ทุนทางปัญญา
  • internal process perspective มุมมองด้านกระบวนการภายใน
  • knowledge era ยุคของความรู้
  • knowledge management โปรแกรมการจัดการความรู้
  • kpis ดัชนีวัดผลสำเร็จธุรกิจ
  • kpis scoring ต้นแบบการจัดทำ KPIs
  • leading ระดับการนำ ความสามารถขั้นสูงสุดที่เรียกว่า ระดับ Leading”
  • leading level การนำ
  • learning & innovation perspective มุมมองด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
  • learning level การเรียนรู้
  • local level ระดับท้องถิ่น
  • management by objective ประยุกต์ใช้การบริหารงานโดยยึดวัตถุประสงค์
  • measure of productivity การวัดในผลิตภาพ
  • new deal การคิดใหม่หรือตกลงใหม่
  • organization องค์กร
  • organizational development การพัฒนาองค์กร
  • participative management การสร้างบรรยากาศการทำงานแบบมีส่วนร่วม
  • performing level การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
  • principle of scienfific management หลักการของการจัดการที่เป็นวิทยาศาสตร์
  • problen-solving การแก้ไขปัญหา
  • process interation การบูรณาการกระบวนการ
  • profit sharing นโยบายที่ปันส่วนกำไร
  • promotion การส่งเสริมการขาย
  • quality control circle : qcc การสร้างกลุ่มคุณภาพงาน
  • regional level ระดับภูมิภาค
  • role บทบาท
  • s.w.o.t analysis การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม


วิธีเก่งภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติ

           


  ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นมากๆเลยนะครับสำหรับคนที่ต้องการความก้าวหน้าในชีวิต ต้องการงานดีๆในบริษัทดีๆ ใช้สำหรับติดต่อกับชาวต่างชาติได้เกือบครึ่งโลก และความรู้ทั้งหลายในโลก 90% เป็นภาษาอังกฤษนะครับ และความรู้ทั้งหลายก็กองอยู่บนอินเตอร์เน็ตให้เราอ่านเป็นล้านๆชาติก็ไม่หมด  แล้วภาษาอังกฤษมันก็ใช้หาเงินได้ดีด้วย เช่น ใช้ในการติวหนังสือ หรือเป็นไกด์ทัวร์(อาชีพในฝัน ของหลายๆคน) ผมเองเป็นคนที่เกลียดเรื่องวิชาการที่อยู่ในหนังสือเรียนมากๆ แต่นอกจากนั้น ผมอ่านหมดทั้งวิชาการและไม่วิชาการ เรื่องต่างๆที่ผมเอามาเขียนในเว็บนี้ส่วนมากก็จะเอามาจากเว็บต่างประเทศ เวลาผมอยากรู้อะไรก็จะหาเป็นภาษาอังกฤษ เข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดฝรั่ง เพราะมันมีคนเขียนถึงมากกว่า ยิ่งคนเขียนถึงมาก เรายิ่งได้ข้อมูลมากขึ้น แต่ผมว่าหลายๆคนคงเกลียดการเรียนภาษาอังกฤษเข้าไส้เลยทีเดียว แต่ลองทำตามผมดู รับรองว่าไม่นานจะฟังพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นมากๆ ทั้งๆที่ไม่ได้อ่านหนังสือแกรมม่าหรือท่องศัพท์เลย และผมเชื่อว่าวิธีนี้ได้ผล เพราะเพื่อนๆของผมเองที่ทำตามวิธีข้างล่างโดยไม่รู้ตัว ก็ได้ A วิชาภาษาอังกฤษมาอย่างง่ายดายเหมือนกัน

1.เปลี่ยนทัศนคติ
ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ ทุกๆเรื่องในชีวิตนะครับ ถ้าสมมติว่าคุณว่ายน้ำไม่เป็น แล้วมีคนบอกคุณว่าน้ำบ่อนี้ลึกมาก และผลักคุณลงไป และคุณยังยึดคติที่ว่าน้ำลึก คุณก็อาจพยายามว่าน้ำจนจมน้ำไป ทั้งๆที่ไม่ลองหยั่งดูเลยว่าน้ำมันลึกจริงๆหรือเปล่า สำหรับเรื่องการเรียนภาษาก็เหมือนกันครับ หลายๆคนแค่เห็นตัวอักษรก็เมินหน้าหนีแล้ว ไม่คิดจะอ่านมันหรอก แม้ว่าคำนั้นอาจจะเขียนว่า Don’t! หรือ Watch Out! ก็ตาม เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้แสดงว่าคุณเองก็อยากจะเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน ขั้นแรกที่คุณ ต้องทำเลยก็คือ ปลดปล่อยอคติ และมีทัศนคติที่ดีกับภาษาอังกฤษ วิธีที่ผมใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจในทำอะไรบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากทำ นั่นก็คือหาสมุดเล่มหนึ่ง และเขียนลงไปถึงสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากคุณทำสิ่งๆนี้แล้ว แล้วก็เปิดอ่านบ่อยๆ หรือ ติดไว้ที่ประตู
2.เริ่มจากฟังเพลง
ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนักคำกลอนนี้บ่งบอกถึงธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างดีทีเดียว มีใครที่ไหนบ้างที่ไม่ชอบดนตรี? การฟังเพลงภาษาอังกฤษในที่นี้ไม่ได้หมายถึง จะให้คุณเข้าใจทุกๆคำ เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงจะเคยได้ยินเพลงๆหนึ่ง ตั้งหลายครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอนึกดูดีๆ ดันไม่รู้เลยว่าเพลงมันพูดถึงอะไรกันแน่ เพลงภาษาอังกฤษก็เหมือนกันครับ เราไม่ได้ฟังเพื่อเนื้อหาขนาดนั้น แต่ที่ผมบอกว่าให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษนั้นมันมีเหตุผลครับ เหตุผลนั้นคือจิตวิทยาเรื่องความเชื่อมโยง ซึ่งถูกนำมาใช้กันแพร่หลายในวงการธุรกิจ นั่นก็คือ การโฆษณาโดยใช้ดารานางแบบนั่นเอง อธิบายได้ว่า เวลาเราสัมผัสอะไรที่เราชอบที่อยู่คู่กับอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้จัก สิ่งที่เราชอบนั้นมันจะทำให้ของอีกสิ่งนั้นดูดีขึ้นมาพร้อมกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนรู้จักก๊อกน้ำซัลวา หรือ อินเตอร์เน็ต 3BB และการที่เราฟังเพลงภาษาอังกฤษมันก็ให้ผลแบบเดียวกันครับ คือ เพลงภาษาอังกฤษที่ไพเราะทำให้เราค่อยๆรู้สึกดีขึ้นกับภาษาอังกฤษ และทำให้เราซึมซับภาษาอังกฤษไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนใครๆที่มีอคติกับเพลงภาษาอังกฤษ ผมแนะนำว่า ให้แทรกเพลงเพราะๆ เก่าๆ ที่ดังๆ(ผมเดี๋ยวจะทำลิสต์เพลงพวกนี้ไว้ให้ไว้ให้)ของฝรั่งไว้ ในลิสต์เพลงโปรดของคุณ แทรกเข้าไปแค่ 10-20 % ก็พอ เรื่องนี้มีงานวิจัยโดยตรงเลยทีเดียว เขาระบุว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนให้คนใดคนหนึ่งที่ชอบเพลงแนวหนึ่ง หันไปฟังเพลงอีกแนวหนึ่งได้ทันที แต่ถ้าเราค่อยให้เขาฟังเพลงอีกแนว เป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเพลงแนวเก่าที่เขาฟัง ไม่นาน เขาก็จะชอบเพลงแนวใหม่ไปเอง
3.วิธีดูหนัง
อ.วรภัทร์ ภู่เจริญเคยกล่าวไว้(บ่อย) ว่า สุดยอดเรียน คือ ดูหนังผมขอเพิ่มอีกหนึ่งเสียงว่าจริงครับ และผมจะบอกว่า การเปิด Subtitle ของคนไทยนั้นทำกันอย่างผิดๆ ทำให้เราไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ทางภาษาเลย การเปิดSubtitle ปกติของคนไทยคือ เสียงอังกฤษ บรรยายไทย ใช่ไหมครับ? ถ้านั่นคุณดูเอาสนุก เอารู้เรื่อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องอื่น เช่นการวางกลยุทธ์ของหนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้วครับ แต่ถ้าเราอยากจะเก่งภาษาอังกฤษ เราต้องเริ่มจากเสียงไทย บรรยายอังกฤษครับ มันมีข้อดีก็คือ
1. เรารู้เรื่องแน่นอนว่า ประโยคที่กำลังพูดนั้น เขาพูดว่าอะไร
2.คำบรรยายภาษาอังกฤษทำให้ เรารู้ว่า ประโยคที่เราได้ยินนั้น ภาษาอังกฤษ เขาพูดว่าอย่างไร
กลับกันครับถ้าเราเปิดเสียงอังกฤษบรรยายไทย นอกจากยากที่จะฟังรู้เรื่องแล้ว เรายังต้องตามอ่านบรรยายไทย จนไม่ได้ดูหนัง และทำให้ไม่รู้เรื่องนั่นเอง ซึ่งเราก็จะไม่ได้อะไรจากหนังเรื่องนั้นเลย (แต่มันก็ดีถ้าคุณหัดอ่านเร็วอยู่) พอเราได้ยินคำไหนที่เราอยากรู้ว่าภาษาอังกฤษมันพูดกันว่าอย่างไร เราก็แค่อ่านข้างล่างครับ ไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์ทุกคำ แค่ลองอ่านดู ถ้าชอบก็จดหรือจำไว้ แรกๆเราก็จะไม่ชินหรอกครับ แต่รับรองว่าถ้าคุณทำแบบนี้ บวกกับข้ออื่นๆที่ผมบอก มันจะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้แน่ๆ
4.อยากรู้หรอ? หาเป็นภาษาอังกฤษสิ!
ผมเรียนรู้เรื่องนี้ได้จากการเล่นเกมครับ เริ่มจากเมื่อสี่ปีก่อนตั้งแต่ผมได้เกรด 1.5 วิชาภาษาอังกฤษ(ม.4)อยู่ ผมเห็นเขาเล่นเกมที่เรียกว่า DotA กัน ซึ่งผมเองก็อยากเล่นบ้าง พอเข้าไปเล่นครั้งแรกก็แพ้เจ็บใจ แต่ธรรมชาติของคนเรามักจะไม่ยอมแพ้อยู่เรื่อยไปอยู่แล้ว ถ้าไม่เลิกเล่น ก็ต้องเล่นให้เก่ง ผมเลือกอย่างหลังก็เลยหาอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกมนี้ พออ่านภาษาไทยหมดก็ยังไม่พอใจ ไปตามอ่านเว็บบอร์ดภาษาอังกฤษต่อ เกมนี้มีตัวละครให้เราเลือกราวๆ 60-70 ตัว(ช่วงนั้น) และฝรั่งมันก็เขียนวิธีเล่นแต่ละตัว(ซึ่งแตกต่างกันมาก) ไว้ตัวละราวๆ 4-5หน้ากระดาษ A4 แรกๆผมเข้าไปอ่านก็มึนๆไปเลยทีเดียว แต่เพราะผมอยากเล่นเกมนี้ให้เก่งมากๆ ผมก็เลยไล่อ่านจนหมด ยังไม่รวมกระทู้ต่างๆ รวมถึงเว็บอื่นๆที่เขียนเกี่ยวกับเกมๆนี้ และการหาความรู้เรื่องแก้ปริศนาและเรื่องคอมพิวเตอร์ พอลองนึกดูแล้วก็เหมือนอ่านนิยายภาษาอังกฤษไปหลายสิบเล่ม เทคนิคที่จะทำให้คุณหาความรู้ได้เร็วขึ้นคือ อย่าเปิด Dictionary ทุกๆคำที่เราไม่เข้าใจครับ แต่ให้อ่านจนจบย่อหน้าก่อน ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็ค่อยเปิด และพยายามมุ่งความสนใจทีละเรื่อง เช่นคุณชอบเรื่องเกม คุณก็อ่านเรื่องเรื่องเกมให้หมดก่อน เพราะคำศัพท์ก็จะคล้ายๆกันหมด เช่น Imbalance Skill Leveling Picking Agility พอไปอ่านบทความอื่นที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องเดียวกัน คุณก็จะค่อยๆเห็นคำศัพท์นั้นบ่อยขึ้น และจำได้โดยธรรมชาติทั้งๆที่เปิดDictionaryแค่ครั้งเดียว
5. เล่นเกมซะ!!
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้เล่นหัวปักหัวปำ ไม่สนใจอะไรนะครับ การเล่นในขนาดพอเหมาะจะทำให้คุณมีไหวพริบเฉียบขาด ตัดสินใจกะทันหันได้ดี รู้จักการวางแผน แก้สถานการณ์ การควบคุมตัวเอง และไม่ยอมแพ้ และยังทำให้คุณอ่านใจคนได้เก่งขึ้นด้วย (ในที่นี้หมายถึงเกม DotA หรือ HoN ) แถมยังทำให้คุณรู้หลายๆเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเกมหลายๆเกมก็ทำให้เราเก่งเรื่องภาษาอังกฤษขึ้นมากมายก่ายกอง ผมขอเน้นเลยคือ Dragon Age : Origin และ Mass effect ทั้งสองภาค (เกมของBio ware ทั้งนั้น) ซึ่งมีเนื้อเรื่องชวนติดตาม ความลุ่มลึกของเกม ที่ทำให้คุณหาความรู้และพยายามแกะเนื้อเรื่องอยู่ไม่หยุด ผมจะบอกตรงนี้ว่า ถ้าคุณมีอคติกับเกม คุณก็พลาดสื่อการเรียนรู้ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในโลกไปเลยล่ะ (ถาม อ.วรภัทร์ ดูก็ได้) ทุกๆอย่างมีข้อดีทั้งหมดแหละครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเรียนรู้อะไรจากมัน
ทิปส์เพิ่มเติม
1. ถ้าใครเริ่มฟังเพลงภาษาอังกฤษบ่อยขึ้นจนชินหูแล้ว ให้เริ่มมองหาคำพื้นฐานต่างๆในเพลงครับ เช่นคำว่า I you this when what who and every ซึ่งคำเหล่านี้มักจะเป็นคำขึ้นต้นประโยค และฟังได้ง่าย และค่อยๆมองหาส่วนประกอบของประโยค คือ ประธาน กิริยา กรรม และส่วนขยาย ความรู้จากการอ่านจะทำให้คุณรู้ความหมาย และแยกแยะได้
2. เมื่อดูหนังแบบ เสียงไทย บรรยายอังกฤษ จนคล่องแล้ว ให้เปลี่ยนเป็น เสียงอังกฤษ บรรยายอังกฤษ ซึ่งจะทำให้คุณเพิ่มพูนความรู้ด้านการฟังและการอ่านเขียนไปพร้อมๆกัน
3.มีเพื่อนฝรั่ง การมีเพื่อนฝรั่งจะทำให้คุณ อยาก พูดกับเขารู้เรื่อง จากนั้นมันจะทำให้คุณค่อยๆหาประโยคไปคุยกับเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณเก่งแกรมม่า และการพูดด้วย


 http://www.joinstick.net/howto/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.html


วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

5ขั้นตอนง่ายๆสู่การพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

คุณรู้สึกว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยุ่งยากรึเปล่า? ไม่ต้องห่วง! มันก็คล้ายๆ กับเด็กเล็กๆ ที่เพิ่งหัดเดินนั่นแหละ คุณต้องค่อยๆ เรียนรู้เป็นขั้นๆ ไป อ่านคำแนะนำจากเราต่อไปนี้แล้วนำไปใช้ รับรองว่าคุณจะก้าวไปสู่การพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในเร็ววัน!

Start with a Smile

ความเชื่อมั่นในตนเองเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษดีขึ้นไม่ว่าคุณจะมีความรู้ทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใดก็ตาม ในการที่จะพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วนั้น คุณต้องกล้าไว้ก่อน ซึ่งหมายถึงว่าแม้ในบางครั้งคุณอาจพูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์บ้างก็ไม่ต้องอายเพราะนั่นก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลยหากคุณพูดอย่างเชื่อมั่นในตนเองพร้อมมีรอยยิ้มพิมพ์ใจซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่คู่สนทนาของคุณ

Memorize More than Words

คุณเป็นอีกคนมั้ยที่รู้ความหมายของศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายแต่ไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ได้อย่างไร? ลองแก้ปัญหานี้โดยการเรียนและจำวลีหรือประโยคตัวอย่างการใช้ศัพท์นั้นๆ เพื่อที่คุณจะมีเข้าใจศัพท์นั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น และนั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณนำศัพท์ที่รู้มาใช้ประโยชน์ในการพูดสนทนาได้อย่างเต็มที่

Listen to Learn

พยายามคิดและวิเคราะห์ภาษาอังกฤษที่คุณได้ยินจากการฟังวิทยุ ข่าว หรือดูหนัง เพราะภาษาอังกฤษในสื่อเหล่านั้นมีการใช้สำนวนโวหารต่างๆ มากมาย ลองจดประโยคหรือคำเหล่านั้นไว้ และถ้าคุณมีโอกาสสนทนากับเจ้าของภาษาตัวจริงก็ควรสังเกตการใช้คำหรือประโยคของพวกเขา การเรียนรู้จากสถานการณ์จริงเหล่านี้จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่โลกแห่งการใช้ภาษาอังกฤษในการพูดในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริงแทนความจำเจที่เรียนจากจากหนังสือเรียน

Exercise those Vocal Cords

ได้เวลาออกกำลังกล่องเสียงของคุณแล้ว! ถ้าคุณไม่มีคนที่จะคุยด้วยล่ะก็ ลองอ่านออกเสียงดังๆ เพื่อฝึกการออกเสียงในภาษาอังกฤษดู หรือจะลองอธิบายรูปภาพในแมกกาซีนต่างๆ หรือแม้แต่สิ่งของในห้องของคุณเองก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็ลองพูดตามบทละครหรือประโยคภาษาอังกฤษอะไรก็ได้ที่ได้ยิน แม้แต่ฝึกการถกเถียงหรือโต้แย้งเป็นภาษาอังกฤษก็จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจเมื่อต้องใช้ในชีวิตจริง เพราะฉะนั้น มาฝึกกันดีกว่า!

Take Up Modeling

นำการใช้ประโยคของเจ้าของภาษามาเป็นรูปแบบ การเน้นเสียงสูงต่ำหรือเปล่งเสียงหนักเบาล้วนเป็นหัวใจของการพูดภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องเพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อความหมายของคำ ลองงัดเอา DVD เรื่องโปรดออกมาดูและพยายามพูดตามนักแสดงจนให้ฟังดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องพูดประโยคต่างๆ ให้ได้เร็วและมีจังหวะจะโคนเหมือนที่นักแสดงเจ้าของภาษาพูดจริงๆ! และนี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำคุณไปสู่การพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วมั่นใจ
ที่มา
http://www.englishtown.com/community/Channels/article.aspx?articleName=85-fluency

"อเมริกันฟัซซี่ลอป"กระต่ายพันธุ์ฮิต เลือกอย่างไรให้โดนใจ...แต่ไม่โดนหลอก!!


อเมริกันฟัซซี่ลอป


            เจ้าหูตกอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่หลาย ๆ คนนิยมเลี้ยงในปจจุบันก็คือ อเมริกันฟัซซี่ลอป (American Fuzzy Lop) กระต่ายขนาดเล็ก จัดอยูในกลุ่มกระต่ายแคระเช่นเดียวกัน แต่มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด คือ หูตกแนบข้างแก้มสวยงาม และขนยาวสลวย ส่วนลักษณะเด่นอื่น ๆ ของสายพันธุ์นี้ ก็คือ ลำตัวสั้น กะทัดรัด หัวกลม ใหญ่ และติดกับหัวไหล่ เหมือนไม่มีคอ หูหนา แบน และยิ่งสั้นยิ่งดี เพราะเป็นการแสดงถึงลักษณะของกระต่ายแคระ หัวและหูปกคลุมด้วยขนสั้นธรรมดา ขนที่หน้าสามารถตัดแต่งได้ตามความเหมาะสมและสวยงาม ขาหลังมีขนธรรมดา

 
           ส่วนขนที่ตัวจะหนาแน่นเสมอกันตลอดทั้งตัว มีลักษณะขนค่อนข้างหยาบ และยาวไม่น้อยกว่า 2 นิ้ว ด้วยลักษณะของ ขนของเจ้าหูตก อเมริกันฟัซซี่ลอป ที่มีสองแบบ คือ ขนชั้นในที่นุ่มฟู และมีขนาดสั้นกว่าขนชั้นนอกที่มีความยาวและแลดูหยาบกว่าขนชั้นใน ทำให้ดูเหมือนว่าเจ้ากระต่ายพันธุ์นี้มีขนาดที่ใหญ่เกินกว่าความเป็นจริง ทั้งที่น้ำหนักของเค้าไม่ได้มากอยางที่คิด โดยตัวผู้จะมีนํ้าหนักเมื่อโตเต็มที่คือ 1.6 กิโลกรัม และตัวเมีย 1.7 กิโลกรัม ส่วนน้าหนักมากที่สุดของสายพันธุ์นี้ คือ 1.8 กิโลกรัม 


           อเมริกันฟัซซี่ลอป มีกลุ่มสีตามมาตรฐาน ARBA 6 กลุ่มสี ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Group) กลุ่มสี ขนอะกูติ (Agouti Group) กลุ่มสีเฉด (Shaded Group) กลุ่มสีขาวมีแปดแต้ม (Pointed White Group) กลุ่มขาวลายแต้มสีต่าง ๆ (Broken Group) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Wide Band Group) 


อ้างอิงจาก;http://pet.kapook.com/view14350.html

ไร่เลย์

ไร่เลย์ สำหรับคนไทยไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรู้จักไร่เลย์ดี เดิมที่ไร่เลย์เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ บนแผ่นดินใหญ่, แต่เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นหน้าผาหินปูนเป็นกำแพงธรรมชาติ ไม่มีถนนตัดผ่าน ไร่เลย์เป็นบริเวณที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน และมากมายด้วยกิจกรรม เช่น ปีนผา พายเรือแคนู อาบแดด ว่ายน้ำ และกีฬาต่างๆ บนชายหาด

การเดินทาง
- ถ้าคุณมาจากตัวเมืองกระบี่ คุณสามารถนั่งรถสองแถวต่อมายังอ่าวนาง หรือไปที่ท่าเรือเจ้าฟ้าเพื่อขึ้นเรือหางยาวมาไร่เลย็ได้
- จากอ่าวนาง ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที คนละ 80 บาท ติดต่อได้ที่ซุ้มริมหาดอ่าวนาง(เป็นของสหกรณ์เรือหางยาว-อ่าวนาง) รับรองไม่มั่วราคา ไม่มีการแซงคิว
- จากอ่าวน้ำเมา (อยู่ระหว่าง ตัวเมืองกระบี่-อ่าวนาง) ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเดินทางจากอ่าวน้ำเมาช่วงฤดูมรสุม (พ.ค.- ต.ค.)
อนุรักษ์นิยมนักท่องเที่ยวต้องการรักษาสถานที่นี้ให้ยังคงเดิมตามธรรมชาติ ไร่เลย์จึงเป็นสถานที่ไม่มีถนนเข้าถึง เดินทางโดยเรือด้วยวิธีเดียวเท่านั้น

ล่าสุดผมไปที่ไร่เลย์ เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อไปสำรวจรีสอร์ทใหม่ๆหรือสิ่งที่เปลียนแปลง สิ่งที่แตกจาก 6 ปีที่แล้ว คือมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากเดินตามแนวชาวยหาด นั่งดูพระอาทิตย์ตก นอนอาบแดด เดี๋ยวนี้มีโรงแรมและรีสอร์เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวเลือกไร่เลย์เป็นที่ปลายทางการท่องเที่ยว พวกเขามาเพื่อพักผ่อนและได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ



ภาษาอังกฤษสำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยว

ภาษาอังกฤษสำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยว

การเดินทางไปต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากหากคุณพูดอังกฤษไม่ได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เดินทางไปประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่คุณก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับพนักงานโรงแรม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน คนขับแท็กซี่และผู้คนที่พบเจอทั่วๆ ไป การเดินท่องทางท่องเที่ยวเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ดังนั้นก่อนลงมือจัดกระเป๋าแวะมาอ่านข้อมูลการท่องเที่ยวภาษาอังกฤษของเราเพื่อปัดฝุ่นประโยคต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเดินทาง เราได้รวบรวมข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไว้มากมาย รวมถึงบทเรียนการใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะถิ่น คู่มือนำเที่ยวจุดหมายปลายทางที่ใช้ภาษาอังกฤษที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัว และสำนวนต่างๆ สำหรับการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในด่างแดนของคุณ
คุณเคยไปเที่ยวต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางบ้างมั้ย? เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับช่วงหยุดพักร้อนนี้เพื่อคุณจะได้สนุกอย่างเต็มที่โดยไม่ติดขัดเรื่องภาษา อ่านรายละเอียดของประโยคง่ายๆ แต่จำเป็นเหล่านี้แล้วนำไปใช้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน โรงแรมหรือชายหาด
Can you tell me how to get to the beach?
นี่เป็นประโยคง่ายๆ ในการถามทาง
Where's the best place to go sightseeing?
ใช้คำถามนี้เมื่อต้องการทราบว่ามีสถานที่แห่งใดที่เหมาะแก่การไปเยี่ยมชมบ้าง
Can you recommend somewhere to stay?
คุณสามารถใช้ประโยคนี้เมื่อคุณกำลังหาที่พัก
Do you rent beach umbrellas?
ถ้าคุณลืมสิ่งของจำเป็นใดๆ คุณสามารถสอบถามเพื่อหาซื้อหรือเช่าได้จากร้านค้าแถวนั้น
Is it safe to swim here?
นี่เป็นคำถามที่ดีเมื่อต้องการทราบถึงสภาวะปัจจุบันของท้องถิ่นนั้น
Bathing costume, swimsuit, bikini, trunks
เสื้อผ้าที่สวมใส่กันตามชายหาดมีหลายอย่าง bikiniหมายถึงชุดว่ายน้ำสองชิ้นของผู้หญิง ส่วนtrunksเป็นกางเกงว่ายน้ำของผู้ชาย
Beach ball
หมายถึงลูกบอลขนาดใหญ่ที่ใช้ในการเล่นเกมส์ตามชายหาด เช่น วอลเล่ย์ชายหาด
Suntan lotion with high SPF
SPF ย่อมาจากSun Protection Factor หมายความว่าคุณสามารถตากแดดได้นานโดยผิวไม่ไหม้
Snorkel and goggles
คุณใช้มันในขณะว่ายน้ำเพื่อที่จะสามารถมองเห็นและหายใจในขณะที่อยู่ใต้น้ำได้
Sunglasses with UV protection
หมายถึงแว่นตากันแดดที่ป้องกันดวงตาของคุณจากรังสี UV (Ultra Violet) ในแสงอาทิตย์
การกล่าวคำทักทายนั้นจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ว่าเราจะทักทายอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ การกล่าวคำทักทายอย่างเป็นทางการเมื่อเราไปถึงสถานที่ใดที่หนึ่งเราก็มักจะกล่าวว่า: "good morning" อรุณสวัสดิ์, "good afternoon" สวัสดีตอนบ่าย หรือ "good evening" สวัสดีตอนเย็น แต่หากเราต้องการทักทายแบบไม่เป็นทางการเราก็จะเลือกกล่าวคำทักทายว่า "hi" สวัสดี; "hello" สวัสดี; "how are you" สบายดีมั้ย; "what's up" เป็นไงบ้าง; "how are you today" เป็นไงบ้างวันนี้; "how come I never see you" ทำไมฉันถึงไม่เห็นคุณเลยพักนี้; "it's been such a long time" ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ; "long time no see" นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน; "where have you been hiding" ไม่เจอกันตั้งนานไปแอบซ่อนตัวที่ไหนมาเนี่ย และ "it's been ages since we last met' ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันมันก็นานโขแล้วนะ
นี่คือตัวอย่างสถานการณ์โดยทั่วไปของการทักทายระหว่างเพื่อน:
Paolo และ Daren พบกันแล้ว Helli ก็ผ่านมาพบทั้งคู่ทีหลัง
Daren: Hello Paolo, what's up? สวัสดี Paolo เป็นไงบ้าง?
Paolo: Hi Daren, how're you doing? สวัสดี Daren สบายดี?
Daren: I'm alright, and yourself? สบายดี แล้วนายล่ะ?
Paolo: I'm good, work is keeping me busy. ก็ดี ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย
Daren: That's good, I can't complain either. ก็ดี ฉันก็เหมือนกัน
(Helli เดินผ่านมาพอดี) Oh! I've been meaning to introduce you to an old friend of mine. โอ้ ฉันอยากจะแนะนำให้นายรู้จักกับเพื่อนเก่าฉันหลายครั้งแล้ว
Helli: I'm not old, Daren! Hi, my name is Helli and you must be Paolo? I have heard so much about you. ฉันยังไม่แก่สักหน่อยนะDaren! ฉันชื่อ Helli คุณต้องเป็น Paolo แน่ๆเลย? เขาพูดถึงคุณบ่อยๆ
Paolo: Good things I hope? It's nice to meet you, Helli. หวังว่าคงเป็นเรื่องดีๆนะ? ยินดีที่ได้รู้จักคุณ Helli
Helli: Pleasure is all mine, Paolo. ยินดีเช่นกัน Paolo
Daren: What's with the formalities? Just say hi! Helli is one of us! Anyway Helli and I have to go, later Paolo! ทำไมต้องเป็นทางการด้วยล่ะ? แค่สวัสดีกันก็พอแล้ว! Helli ก็พวกเดียวกันกับเราน่า! ฉันกับ Helli ต้องไปแล้วละ แล้วเจอกันนะ Paolo!
Paolo: Later Daren and I hope to see you soon Helli. แล้วเจอกัน Daren แล้วหวังว่าจะได้พบกับคุณอีกนะ Helli
Helli: Likewise Paolo! แล้วพบกัน Paolo!
แล้วยังมีการทักทายที่ไม่ต้องกล่าวคำใดๆ; เช่น หากเป็นคนที่คุณรู้จักก็จูบทักทายที่แก้มหรือกอดทักทายก็ได้ การทักทายเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะแสดงให้บุคคลนั้นๆเห็นว่าคุณรู้จักและจำพวกเขาได้

ที่มาhttp://www.englishtown.com/community/Channels/article.aspx?articleName=greetingsomeone
http://www.englishtown.com/community/portal/travel/free.aspx